การดำเนินคดีในศาลชั้นต้น
การดำเนินคดีแพ่ง เริ่มต้นเมื่อมีการยื่นคำฟ้อง หรือ คำร้องขอเพื่อเริ่มต้นคดีต่อศาล เจ้าหน้าที่รับฟ้องจะตรวจความถูกต้อง ลงเลขคดีดำ คิดค่าธรรมเนียมที่งานการเงิน แล้วเสนอศาล
เมื่อศาลตรวจเห็นว่าฟ้องถูกต้องจะรับคำร้องส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้ จำเลยหรือปิดประกาศ ณ ภูมิลำเนาหรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องเมื่อจำเลยรับหมายเรียกแล้วต้องยื่นคำให้ การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ และจะยื่นคำให้การและโจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีได้ทันที โดยโจทก์ไม่จำต้องสืบพยาน แต่จำเลยยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ศาลจะตรวจรับคำให้การและ สั่งนัดพร้อมหรือชี้สองสถาน
ถึง วันนัด ศาลจะกำหนดประเด็นแห่งคดีว่ามีอย่างไร คู่ความฝ่ายไหนมีหน้าที่นำสืบ และใครสืบก่อนสืบหลังอย่างไร เมื่อใดคู่ความมีหน้าที่ ต้องยื่นบัญชีระบุพยานอ้างบุคคลเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อต่อสู้ และนำหรือขอให้ศาลหมายเรียกพยานบุคคลหรือ ออก คำสั่งเเรียกพยานเอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ เข้าสืบตามวันนัดในวันนัดเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์จะรวบรวมสำนวนเอกสารเสนอ ศาล เรียกคู่ความและพยานเข้าห้องพิจารณานำพยานสาบานตนและศาลจะทำการสืบพยาน
เจ้าหน้าที่จะรวบรวมคำให้การเอกสารและหลักฐานต่างๆเข้าสำนวนหรือแยกเก็บตาม คำสั่งศาลกเมื่อสืบพยานทุกฝ่ายเสร็จแล้วศาลจะนัดฟังคำพิพากษา
โดยให้โอกาส คู่ ความยื่นคำแถลงการก่อนและเมื่อพยานพิพากษาแล้วต้องนำคำพิพากษาไปลงสารบบและ พิมพ์คำพิพากษาคู่ความที่ไม่พอใจคำพิพากษาอาจอุทธรณ์ฎีกาคำพิพากษาไปยังศาล อุทธรณ์ หรือศาลฎีกาได้และเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วหากผู้แพ้คดีไม่ปฎิบัติตามคำพิพากษา ผู้ที่ชนะคดี ชอบที่จะขอให้ศาลออกคำสั่งบังคับ และหมายบังคับคดี เพื่อบังคังให้มีการปฏิบัตตามคำพิพากษาจนครบถ้วน หรือในระหว่างพิจารณาคู่ความอาจยื่นคำร้องขอให้ศาลใช้วิธีการคุ้มครองชั่ว คราวก่อนคำพิพากษาได้
อย่าง ไรก็ตาม การดำเนินคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีแพ่ง อาจมีคดีอาญาที่อาจเกี่ยวข้องกันอยู่ จึงต้องศึกษาและต้องดูข้อเท็จจริง เป็นเรื่องๆไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น