สาระของทนายชาวบ้าน.ฝึกหัด

บล็อกนี้...ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนการสอน รายวิชาอินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน เพื่อแลกเปลี่ยนสาระความรู้ระหว่างเพื่อนทั้งในและนอกห้องเรียน หากมีเนื้อหาสาระไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดหรือกระทำการใดๆในทางที่ไม่ดี ทางผู้จัดทำบล็อกนี้ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ...

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เก็บตกกฎหมาย เรื่อง ขั้นตินการดำเนินคดีแพ่ง

ขั้นตอนการดำเนินคดีแพ่ง
การ ดำเนินคดีแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมีขั้นตอนกำหนดกฎเกณฑ์ ข้อยกเว้นระยะเวลาที่คู่ความจะต้องปฏิบัติค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งยากพอสมควรในการทำความเข้าใจ การปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นั้นอาจเกิดความเสียหายแก่คดีได้ จึงจะขอกล่าวเฉพาะหลักเกณฑ์ทั่วไปที่ควรรู้เท่านั้น  (ตามที่ผมเรียนมาครับ)  แต่หากจะดำเนินคดีแล้วควรที่จะปรึกษานักกฎหมายหรือทนายความผู้รู้เพื่อความถูกต้องต่อไป

การฟ้องคดีตามกฎหมายมี 2 กรณี (ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55) คือ
     1. เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพ่ง
     2. บุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาล เช่น ร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก หรือร้องขอเลิกนิติบุคคล

ค่าธรรมเนียมศาล
     การ ดำเนินคดีแพ่งนั้นปกติคู่ความจะต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลเสมอ (เว้นแต่ศาลจะอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา) ค่าธรรมเนียมศาลซึ่งคู่ความจะต้องเสีย เช่น ค่าขั้นศาล ค่าคำร้อง ค่าแต่งทนาย ค่าอ้างเอกสาร เป็นต้น

ค่าขึ้นศาล (เสียในเวลายื่นคำฟ้อง)

คดีมีทุนทรัพย์
     หมายถึง คดีที่คำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์นั้น อาจคำนวณเป็นเงินได้  ได้แก่ คดีที่โจทก์เรียกร้องหรือขอเอาสิ่งใด ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งยังมิได้เป็นของตนเอง จากผู้อื่น เช่น คดีกู้ยืม, เช็ค, ซื้อขาย, ฯลฯ จะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามอัตรา 2.50 บาท ทุกหนึ่งร้อยบาท แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เศษของหนึ่งร้อยบาทถึงห้าสิบบาทให้นับ เป็นหนึ่งร้อยบาท ถ้าต่ำกว่าห้าสิบบางให้ปัดทิ้ง

คดีไม่มีทุนทรัพย์
     หมาย ถึง คดีที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยให้กระทำการหรือละเว้นกระทำการอย่างใดอย่าง หนึ่งเพื่อประโยชน์ของโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างหรือ เรียกร้องเป็นจำนวนเงินหรือทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่ง คดีที่มีคำขอให้ ปลดเปลื้องทุกข์  อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาได้รวมทั้งคดีไม่มีข้อพิพาทต่าง ๆ เช่น คดีขอศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก คดีฟ้องขอให้เลิก ห้างหุ้นส่วนจำกัดและชำระบัญชี คดีฟ้องขับไล่ (หากจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้กรรมสิทธิ์ว่าเป็นของจำเลย จะกลาย เป็น คดีมีทุนทรัพย์โจทก์ตองเสียค่าขึ้นศาลตามคำนวณทุนทรัพย์พิพาท) สำหรับคดีไม่มีทุนทรัพย์นั้นเสียค่าขึ้นศาลเรื่องละ 200 บาท

การคืนค่าขึ้นศาล
     ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการคืนค่าขึ้นศาล พ.. ๒๕๕๓
สำหรับ ศาลชั้นต้นเมื่อมีการถอนคำฟ้อง หรือเมื่อคดีได้เสร็จเด็ดขาดลงโดยสัญญาหรือการประนีประนอมยอมความหรือการ พิพากษาตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๑ วรรคสอง การคืนค่าขึ้นศาลให้เป็นไปดังต่อไปนี้
. ก่อนสืบพยาน ให้คืนค่าขึ้นศาลไม่เกิน ๓ ใน ๔ ส่วน แต่มิให้เหลือน้อยกว่า ๒๐๐ บาท
. เมื่อมีการสืบพยานไปบ้างแล้ว ให้คืนค่าขึ้นศาลไม่เกินกึ่งหนึ่ง แต่มิให้เหลือน้อยกว่า ๒๐๐ บาท
. การ คืนค่าขึ้นศาลเป็นกรณีพิเศษ ให้คืนค่าขึ้นศาลไม่เกิน ๗ ใน ๘ ส่วนแต่มิให้เหลือน้อยกว่า ๒๐๐ บาทการคืนค่าขึ้นศาลทั้งสามกรณีให้ศาลพิเคราะห์ถึงการพิจารณาที่ได้กระทำไป
แล้วประกอบด้วย
 เว้นแต่ ศาลจะเห็นสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น สำหรับศาลชั้นต้นเมื่อมีการทิ้งฟ้องหรือศาลสั่งจำหน่ายคดีในกรณีอื่นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๑ วรรคสาม การคืนค่าขึ้นศาลให้เป็นไปดังต่อไปนี้
. ก่อนสืบพยาน ให้คืนค่าขึ้นศาลไม่เกินกึ่งหนึ่ง แต่มิให้เหลือน้อยกว่า ๒๐๐ บาท
. เมื่อมีการสืบพยานไปบ้างแล้ว ให้คืนค่าขึ้นศาล ๑ ใน ๔ แต่มิให้เหลือ
น้อยกว่า ๒๐๐ บาท
การคืนค่าขึ้นศาลทั้งสองกรณีให้ศาลพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ในการดำเนินคดีของโจทก์ประกอบด้วย
            (โปรดศึกษาอีกทีน่ะครับ...เพราะในแต่ละคดีก็จะเสียมากน้อยแตกต่างกันไปตามอัตราที่กำหนดไว้ในตางราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง)

การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง
     เมื่อ โจทก์ได้มีการยื่นฟ้องแล้ว โจทก์ต้องส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย ภูมิลำเนา หรือสำนักทำการงานของจำเลย เพื่อให้จำเลยให้การแก้คดี โดยโจทก์ต้องนำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกแก่จำเลยภายใน 7 วัน นับแต่วันยื่นคำฟ้อง และโจทก์ต้องจ่ายค่าพาหนะและค่าป่วยการให้แก่เจ้าพนักงานศาล หากไม่สามารถส่งให้ตัวจำเลยได้ ศาลอาจสั่งให้ (1) ปิดหมายเรียกไว้ในที่แลเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของจำเลยหรือ (2) อาจลงโฆษณา โดย วิธีอื่นใดตามที่ศาลเห็นสมควร ซึ่งทางปฏิบัติศาลจะให้ส่งโดยประกาศหนังสือพิมพ์ กรณีข้อ (1), (2) นั้น กฎหมายให้มีผลใช้ได้เมื่อกำหนดระยะเวลา 15 วัน ได้ลงพ้นไปแล้วนับแต่วันปิดหมายหรือประกาศโฆษณา

การยื่นคำให้การ
เมื่อ ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยแล้ว จำเลยต้องทำคำให้การเป็นหนังสือยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน หรือในกรณีคดีไม่มีข้อยุ่งยาก จำเลยต้องทำคำให้การ เป็นหนังสือยื่นต่อศาลก่อนหรือในวันนัดพิจารณา
     - กรณีปิดหมาย, ประกาศหนังสือพิมพ์ ให้มีผลเมื่อพ้น 15 วัน และจำเลยต้องยื่นคำให้การภายใน 15 วัน รวมเป็น 30 วัน
     - หากจำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ในคดีมโนสาเร่หรือคดีไม่มีข้อยุ่งยากศาลจะมีคำสั่งว่า "จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ" โดยโจทก์ไม่ต้องขอ ส่วนคดีแพ่งทั่วไป การขาดนัดยื่นคำให้การเป็นไปโดยผลของกฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งของศาลอีก

การชี้สองสถาน
     ในคดีที่ไม่มีประเด็นข้อพิพาทยุ่งยาก ศาลจะทำการชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทที่จะวินิจฉัยกันต่อไป

การสืบพยาน
เมื่อ โจทก์ได้ฟ้องและจำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีหรือกรณีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำ ให้การแล้ว ศาลจะนับสืบพยาน โจทก์หรือจำเลยแล้วแต่กรณี การสืบพยานนี้คู่ความ จะนำพยานบุคคลเข้าสาบานตัวและเบิกความต่อศาล และในระหว่างการสืบพยานคู่ความสามารถอ้างเอกสารประกอบการซักถามหรือถามค้าน ได้ เมื่อการสืบพยานของคู่ความทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจะนัดฟังคำพิพากษาต่อไป

การบังคับคดี
     คู่ ความฝ่ายที่ชนะคดีตามคำพิพากษาสามารถดำเนินการบังคับคดีเพื่อให้มีการ ปฏิบัติไปตามคำพิพากษาได้ หากคู่ความฝ่ายที่แพ้คดีไม่ยอมปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ใน คำพิพากษา โดยอาจยึด อายัดทรัพย์ของลูกหนี้ของลูกหนี้ตามคำพิพากษามาขายทอดตลาดหรือจับกุม คุมขังลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ในกรณีไม่ยอมกระทำการตามที่กำหนดไว้ในคำ พิพากษา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น